ความเครียดภัยร้ายที่ทำลายทั้งจิตใจและร่างกายของเรา

อากาศร้อนทีไร อยากได้เครื่องดื่มหวาน ๆ เย็น ๆ เพิ่มความสดชื่นทุกที ว่าแล้วก็เลี้ยวเข้า 7-Eleven เดินเข้าด้านในสุดไปที่ตู้เครื่องดื่มแช่เย็น เรียกได้ว่ามีสวรรค์อยู่ตรงหน้าแค่เอื้อมมือถึง มีเครื่องดื่มมากมายให้เลือก ไม่ว่าจะเป็นน้ำผลไม้ น้ำอัดลม น้ำสมุนไพร น้ำสุขภาพ และเครื่องดื่มอื่น ๆ อีกหลายรายการ แต่ถ้าให้หยิบดื่มแบบไม่คิดบ่อย ๆ อาจจะไม่ดีต่อสุขภาพเท่าไหร่ เพราะมีน้ำตาลสูง ดังนั้นก่อนหยิบ เราควรต้องมองหาตราสัญลักษณ์โภชนาการ “ทางเลือกสุขภาพ” {...}

            เชื่อว่าหลายคนนั้นเคยประสบกับเพื่อนที่พูดตรงเกินไป การพูดตรงนั้นเป็นเรื่องที่ดีเพราะแสดงถึงความจริงใจและเป็นการพูดถึงข้อเท็จจริงบางอย่างให้อีกฝ่ายได้เข้าใจได้ในทันทีอย่างง่ายดาย แต่การที่เราพูดตรงจนเกินไปนั้นบางครั้งมันอาจเป็นการพูดโดยที่ไม่ผ่านความคิดและกระบวนการการไตร่ตรองก่อน ซึ่งอาจจะส่งผลเสียมากกว่าผลดี ไม่ว่าจะมีเรื่องความเหมาะสมหรือความรู้สึกของผู้ที่ได้รับฟัง ดังนั้นการมีเพื่อนซึ่งเป็นคนสนิทอยู่ในชีวิตของเรา บางคนนั้นอาจจะต้องเจอกันทุกวันแต่มีพฤติกรรมดังกล่าวนี้ก็จะทำให้เรารู้สึกอึดอัดใจ ถึงแม้ว่าเขาจะเป็นเพื่อนที่ดีและมีข้อเสียข้อดีเพียงข้อเดียวก็ตาม ดังนั้นเราจึงต้องรับมือและแก้ไขเท่าที่เราทำได้ไม่เพียงแต่เพื่อตัวเราให้มีความสบายใจมากยิ่งขึ้นเท่านั้น แต่ยังเป็นการช่วยปรับปรุงและพัฒนาเพื่อนให้มีพฤติกรรมที่ดียิ่งขึ้นอีกด้วย ทำอย่างไรดีเมื่อมีเพื่อนพูดตรงเกินไป บอกความรู้สึกเมื่อได้ยินสิ่งที่เพื่อนพูด คำว่าพูดตรงเกินไปเป็นความหมายในแง่ลบ ซึ่งบางครั้งเป็นเรื่องที่อาจจะไม่ต้องพูดตอนนั้นเดี๋ยวนั้น อาจจะไม่ต้องพูดออกมาเลยก็ได้ หรือบางทีอาจเลือกใช้วิธีการสื่อสารอื่นที่จะส่งผลดีต่อความรู้สึกของผู้ฟังได้มากกว่านี้ ดังนั้นความรู้สึกเมื่อได้ยินส่วนใหญ่แล้วจึงเป็นความรู้สึกที่เป็นแง่ลบ เราจึงควรบอกเพื่อนทันทีเพื่อให้เขารู้ตัวว่าสิ่งที่เขาพูดนั้นกำลังทำให้เพื่อนของเขารู้สึกแย่อย่างไร ตักเตือน ความตรงเกินไปนั้นคงปฏิเสธไม่ได้ว่ามีความเกี่ยวข้องกับมารยาทอยู่ ดังนั้นเมื่อเรารู้สึกว่าเพื่อนกำลังมีพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมเราจึงควรที่จะตักเตือน แต่ต้องเป็นการตักเตือนที่ไม่มีอารมณ์เข้าร่วม เป็นการตักเตือนที่มีสติเพื่อให้อีกคนได้รับทราบความเป็นจริงว่าอะไรที่ไม่ควรทำ และจะส่งผลเสียต่อตัวเขาอย่างไร ช่วยกันพัฒนาและปรับปรุง การปรับเปลี่ยนนิสัยนั้นเป็นสิ่งที่ต้องทำเป็นประจำ {...}

         ผู้เขียนไม่เคยเรียนวิชาวิชามนุษยศาสตร์แต่เป็นคนชอบคิดชอบวิเคราะห์พฤติกรรมของมนุษย์และเป็นการวิเคราะห์อย่างลึกซึ้งรวมทั้งพยายามค้นหาสาเหตุของความเป็นตัวตนของเขา แต่ก็ไม่เคยบอกให้ใครรู้ว่ากำลังวิเคราะห์เขา ผู้เขียนจะไม่สรุปผลการวิเคราะห์ตัวตนของเขาเหล่านั้นเพราะรู้ตัวเองว่าไม่มีสิทธิ์ที่จะไปตัดสินใครๆ ตัวเองเป็นเพียงมนุษย์ธรรมดาคนหนึ่งที่ยังห่างไกลจากคำว่าสมบูรณ์แบบ และมีข้อเสียและข้อที่จะต้องปรับปรุงอีกมาก เพียงแต่ใคร่ขอยกตัวอย่างของพฤติกรรมของมนุษย์ที่ได้สำผัสมาและเกิดความสะเทือนใจในความเป็นตัวตนของเขา มนุษย์ผู้ชายคนหนึ่งเป็นบิดาของลูกชายสามคนที่ภรรยาของเขาเสียชีวิตลงแล้วไม่นานเขาก็ไปมีภรรยาใหม่โดยไม่คิดที่จะบอกกับลูกของเขา เขาใช้วิธีวางอัลบั้มภาพของผู้หญิงที่เป็นว่าที่เป็นภรรยาใหม่ของเขาไว้ในตู้เหนือหัวเตียงให้ลูกๆของเขามาพบเองนี่เป็นวิธีการสื่อสารในแบบของเขาให้ลูกๆ รู้ว่าพ่อของพวกเขากำลังจะมีแม่เลี้ยงให้กับพวกเขาแล้ว มนุษย์ผู้ชายคนหนึ่งสมัยที่เป็นเด็กเขาเคยเป็นเด็กธรรมดาที่เรียนเก่งแต่ความเกลียดบิดาของตนเองทำให้เขากลับกลายเป็นคนก้าวร้าวชอบรังแกน้องด้วยความรุนแรงไม่สนใจความรู้สึกของใคร เมื่อเขาเติบโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ก็กลายเป็นคนประชดชีวิตด้วยการติดสุราและจบชีวิตลงในอายุเพียงห้าสิบกว่าปี มนุษย์ผู้ชายคนหนึ่งตอนเป็นเด็กเขามีความสดใสน่ารักเป็นที่รักของบิดามารดาและพี่ชายแต่ภายหลังที่เขาต้องกำพร้าแม่และขาดความมอบอุ่นจากผู้เป็นพ่อทำให้เด็กชายคนนี้กลายเป็นคนอ่อนแอทั้งร่างกายและจิตใจ เติบโตขึ้นมาเป็นคนที่ขาดความเข็มแข็งไม่สามารถมีอาชีพเลี้ยงชีวิตได้อย่างคนปกติและมีสติที่ไม่สมบูรณ์ เขากลายเป็นคนที่ดูแก่ก่อนวัยและเสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุลงด้วยวัยเพียงห้าสิบตอนต้น มนุษย์ผู้หญิงคนหนึ่งขุ่นเคืองใจต่อพฤติกรรมของหลานตัวเองที่เป็นคนเห็นแก่ตัวและติดสุราแต่ไม่อาจทำอะไรได้เพราะมีความจำเป็นต้องอยู่อาศัยในบ้านเดียวกันจนมีความเครียดสะสมแบบปล่อยวางไม่ได้ ในที่สุดเธอก็เสียชีวิตด้วยเส้นเลือดในสมองแตก มนุษย์ผู้หญิงคนหนึ่งมีจิตใจอ่อนแอทั้งชีวิตต้องพึ่งพิงคนอื่นทางจิตใจ ไม่เคยมีความเข็มแข็งที่จะต่อสู้ชีวิตด้วยตนเองหรือตัดสินใจอะไรเอง ต้องพึ่งพาพี่น้องและแม้กระทั่งหลานชายของตนเองทางด้านจิตใจ จนแต่ละคนค่อยๆเสียชีวิตลงไปจนในที่สุดเธอเหมือนตัวคนเดียวและเป็นหญิงแก่ที่วันๆเอาแต่รำพึงรำพันในชีวิตเป็นที่ระอาแก่คนที่อยู่ใก้ล แต่เธอก็ยังโชคดีที่มีคนดูแลจนถึงวันสุดท้ายของชีวิตในวัยเกือบเก้าสิบ มนุษย์ผู้หญิงคนหนึ่งมักแสดงออกว่าเป็นห่วงเป็นใยพี่น้องลูกหลานแต่ก็ไม่ได้ใก้ลชิดเนื่องจากเธอไปมีครอบครัวอยู่ต่างประเทศ แต่เธอกลับมีความคิดเจ้ากี้เจ้าการใส่ใจในชีวิตของพวกเขาจนเกินกว่าเหตุ และไปหลงฟังความจากคนอื่นที่ไม่ใช่ญาติพี่น้องแต่เอาอกเอาใจเธอด้วยหวังผลประโยชน์แล้วเอามาคำของบุคคลอื่นนั้นมาตัดสินตัวตนของหลานตัวเองจนถึงขนาดตัดญาติกัน {...}