เจนเนอเรชั่น

คำว่าเจนเนอเรชั่นหมายถึง คนทุกคนที่เกิดและมีชีวิตอยู่ในช่วงเวลาเดียวกันและได้รับการเรียกชื่อโดยรวมว่าเป็นคนรุ่นเดียวกัน นอกจากนี้คำว่าเจนเนอเรชั่นยังสามารถอธิบายได้ว่าเป็นระยะเวลาเฉลี่ยซึ่งโดยทั่วไปประมาณ 20– ⁠30 ปี ซึ่งเป็นช่วงที่เด็กเกิดและเติบโตเป็นผู้ใหญ่และเริ่มมีลูกของตัวเอง

คำว่าเจนเนอเรชั่นนี้มักใช้ร่วมกับกลุ่มของประชากรในทางสังคมศาสตร์ ภายใต้คำจำกัดความว่า กลุ่มของประชากรซึ่งประสบเหตุการณ์สำคัญเดียวกันภายในช่วงเวลาที่กำหนดขึ้น เจนเนอเรชั่นในความหมายนี้เรียกว่าเจนเนอเรชั่นทางสังคม มีการใช้กันอย่างแพร่หลายในวัฒนธรรมสมัยนิยมและเป็นพื้นฐานสำหรับการวิเคราะห์ทางสังคมวิทยา

การวิเคราะห์คนเจนเนอเรชั่นใหม่อย่างจริงจังเริ่มขึ้นในศตวรรษที่สิบเก้าโดยเกิดจากความตระหนักที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับความเป็นไปได้ของการเปลี่ยนแปลงทางสังคมอย่างถาวรและความคิดเรื่องการต่อต้านกฎระเบียบทางสังคม

นักวิเคราะห์บางคนเชื่อว่าคน    เจนเนอเรชั่นหลังเป็นหนึ่งในกลุ่มคนพื้นฐานทางสังคม ในขณะที่คนอื่นๆ มองว่าความสำคัญของมันถูกบดบังด้วยปัจจัยอื่นๆ เช่น ชนชั้น เพศ เชื้อชาติและการศึกษาเป็นต้น

ในขณะที่แนวคิดของคำว่าเจนเนอเรชั่นนั้น มีอยู่ในประวัติศาสตร์อันยาวนานและสามารถพบได้ในวรรณคดีโบราณ และยังมีมิติทางจิตวิทยาและสังคมวิทยาในแง่ของความเป็นสมาชิกและลักษณะเฉพาะซึ่งใช้อธิบายคำว่าเจนเนอเรชั่นได้

เจนเนอเรชั่นสามารถใช้กับกลุ่มประชากรตามรุ่นที่เกิดในสถานการณ์ทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมที่เฉพาะเจาะจงเช่น เจนเนอเรชั่นเบบี้บูมเมอร์ในโลกตะวันตกซึ่งรวมถึงยุโรปตะวันตกอเมริกาและออสเตรเลีย

รูปแบบของเจนเนอเรชั่นต่างๆ มีความเด่นชัดอยู่ในภูมิภาคเหล่านี้ทั้งในเชิงภูมิศาสตร์และวัฒนธรรม โดยสามารถบ่งบอกได้อย่างกว้างๆ แต่โดยทั่วไปลักษณะร่วมสมัยของกลุ่มประชากรตามเจนเนเรชั่นเหล่านี้พบในสื่อทั่วไป

เจนเนอเรชั่นที่สูญหาย (The Lost Generation)

หรือที่เรียกว่า “Generation of 1914” หมายถึงผู้ที่ผ่านการต่อสู้ในสงครามโลกครั้งที่ 1 เจนเนอเรชั่นที่สูญหายเป็นกลุ่มคนที่เกิดระหว่างปี 1883 ถึง 1900 ที่มีชีวิตอยู่ในระหว่างสงครามโลกครั้งที่หนึ่งรวมถึงสมัยที่สหรัฐอเมริกาและยุโรปมีความมั่งคั่งทางเศรษฐกิจในทศวรรษ 1920

เจนเนอเรชั่นที่ยิ่งใหญ่ที่สุด (The Greatest Generation)

หรือที่เรียกว่า “G.I. Generation” เจนเนอเรชั่นนี้รวมถึงทหารผ่านศึกที่ต่อสู้ในสงครามโลกครั้งที่สอง พวกเขาเกิดระหว่างปี 1901 ถึง 1927 กลุ่มที่เกิดในช่วงปีแรกๆ หรือเรียกว่า Interbellum Generation มีชีวิตในผ่านยุคมั่งคั่งช่วง 1920 แต่กลุ่มที่เกิดในช่วงหลังที่อายุน้อยกว่าจะมีช่วงชีวิตที่เศรษฐกิจตกต่ำและเกิดสงครามโลกครั้งที่สอง

เจนเนอเรชั่นเงียบ (Silent Generation)

หรือที่เรียกว่า “Lucky Few” เป็นกลุ่มประชากรที่มาจากยุคหลังสงครามโลกครั้งที่สอง พวกเขาระหว่างปี 1928 ถึง 1945 ในสหรัฐอเมริกาคนกลุ่มนี้รวมถึงคนส่วนใหญ่ที่ต่อสู้ในสงครามเกาหลีและหลายคนที่ต่อสู้ในสงครามเวียดนาม

เจนเนอเรชั่นเบบี้บูมเมอร์ (Baby Boomers)

หรือที่เรียกว่า ME Generation คือคนที่เกิดหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ระหว่างปี 1946 ถึง 1964 พบว่ามีจำนวนเด็กเกิดเพิ่มขึ้นในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ซึ่งทำให้พวกเขาเป็นกลุ่มประชากรที่ค่อนข้างใหญ่ ในสหรัฐอเมริกาคนเจนเนอเรชั่นเบบี้บูมเมอร์หลายคนอาจเคยต่อสู้ในสงครามเวียดนามหรือมีส่วนร่วมในยุคสมัยต่อต้านวัฒนธรรมในช่วงทศวรรษที่ 1960 ในขณะที่คนยุคเบบี้บูมเมอร์ที่อายุน้อยกว่าเข้าสู่ยุค “ป่วยไข้” ในปี 1970

เจนเนอเรชั่นเอ็กซ์ (Generation X)

หรือเรียกสั้น ๆ ว่า Gen X เป็นกลุ่มคนที่เกิดหลังเจนเนอเรชั่นเบบี้บูมเมอร์ คนรุ่นนี้คือคนที่เกิดระหว่างปี 1965 ถึง 1980 ในสหรัฐอเมริกาบางคนเรียกเจนเนอเรชั่นนี้ว่าเป็นรุ่น “Baby Bust” เนื่องจากอัตราการเกิดลดลง

เจนเนอเรชั่นวาย (Generation Y)

หรือเรียกสั้นๆ ว่า Gen Y หรือเรียกว่าคนรุ่น   มิลเลนเนียลคือคนที่เติบโตขึ้นในช่วงเปลี่ยนสหัสวรรษที่ 3 คนรุ่นนี้เกิดระหว่างปี 1981 ถึง 1996 จากข้อมูลของ Pew Research Center พบว่าคนรุ่นมิลเลนเนียลมีจำนวนแซงหน้า  คนรุ่นเบบี้บูมเมอร์ ในสหรัฐอเมริกาปี 2019 มีคนรุ่นบูมเมอร์ประมาณ 71.6 ล้านคนและคนรุ่นมิลเลนเนียล 72.1 ล้านคน

เจนเนอเรชั่นแซท (Generation Z)

หรือเรียกสั้นๆว่า Gen Z หรือที่เรียกว่า Zoomers คือคนที่เกิดระหว่างปี 1997 ถึง 2012

เจนเนอเรชั่นอัลฟ่า (Generation Alpha)

หรือเรียกสั้นๆ ว่า Gen Alpha เป็นกลุ่มคนที่เกิดในต้นทศวรรษ 2010 ถึงกลางทศวรรษ ​​2020 เจเนอเรชั่นอัลฟ่าเป็นคนกลุ่มที่ถือกำเนิดขึ้นในศตวรรษที่ 21 ในปี 2015 มีเด็กราว 2 ล้านห้าแสนคนที่เกิดทุกสัปดาห์ทั่วโลกและคาดว่าคน Gen Alpha จะมีจำนวนถึงสองพันล้านคนภายในปี 2025

เครดิตภาพ EverydayMarketing, Westroys, Estopolis

#เจนเนอเรชั่น #ยุคสมัยของสังคมมนุษย์ #เราคือคนเจนไหน