ความเป็นมาของอินเตอร์เน็ต
อินเตอร์เน็ต (Internet) คือโครงข่ายที่มีขนาดที่ใหญ่ที่สุดในโลก ที่ทำงานด้วยชุดอินเตอร์เน็ตโปรโตคอล (Internet Protocol Suite) เรียกอีกแบบว่า Network of Network
เพื่อให้ทั้งโลกติดต่อสื่อสารกันด้วยทั้งด้วยเสียง, ภาพและภาพเคลื่อนไหวหรือวิดีโอ, บริการโซเชียลเน็ตเวิร์ค (Social Network), การล่งไฟล์ (File Transfer), เวิล์ดไวด์เว็บ (World Wide Web) ทาง URL (Universal Resource Locator), Web Browser
หรือค้นหาจาก Search Engine อย่างกูเกิ้ล (Google), การส่งอิเลคทรอนิคส์เมล์ (Electronic Mail), การโทรศัพท์ผ่านอินเตอร์เน็ต (Internet Telephony) รวมถึงการแชร์ไฟล์ (File Sharing) ผ่านโครงข่ายอิเลคทรอนิคส์
ทั้งโครงข่าย ออฟติค (Optical Network) และโครงข่ายไร้สาย (Wireless Network) โดยใช้บริการของผู้ให้บริการอินเตอร์เน็ต (Internet Service Provider) และผู้ให้บริการอินเตอร์เน็ตบรอดแบนด์
จุดเริ่มต้นของอินเตอร์เน็ต
จุดเริ่มต้นของอินเตอร์เน็ตมาจากการพัฒนาและการวิจัยของ Defense Advanced Research Projects Agency (DARPA) กระทรวงกลาโหมของสหรัฐ (United State Department of Defense) ช่วงปี 1960
โครงข่าย ARPANET เกิดขึ้นเพื่อเชื่อมโยงหน่วยงานทางการทหารและพัฒนามาเป็นโครงข่ายอินเตอร์เน็ตในเวลาต่อมาในต้นทศวรรษ 1990 อินเตอร์เน็ตใช้ชุด โปรโตคอล TCP/IP (Transmission Control Protocol/Internet Protocol) เป็นมาตรฐานในการติดต่อกัน และเกิดผู้ให้บริการอินเตอร์เน็ต (Internet Service Provider) ในเวลาต่อมา
การประยุกต์ใช้งานอินเตอร์เน็ต
ตั้งแต่ปี 1995 เป็นต้นมาอินเทอร์เน็ตทำให้เกิดการสื่อสารแบบทันทีทางอีเมล์ (Electronic Mail), การส่งข้อความโต้ตอบแบบทันที (Instant Messaging), โทรศัพท์ผ่านไอพี (Voice over Internet Protocol หรือ VoIP), การสนทนาทางวิดีโอแบบโต้ตอบสองทาง (Two-way Interactive Video Calls) , วิดิโอสตรีมมิ่ง (Streaming Video) และเวิลด์ไวด์เว็บ (World Wide Web)
ด้วยฟอรัมการสนทนา (Discussion Forum), บล็อก (Blog) บริการเครือข่ายสังคม (Social Networking Services) และไซต์ช้อปปิ้งออนไลน์ (Online Shopping Sites) ปริมาณข้อมูลที่เพิ่มขึ้นจะถูกส่งด้วยความเร็วที่สูงขึ้นเรื่อยๆ ผ่านเครือข่ายใยแก้วนำแสงที่ทำงานที่ระดับจิกะบิตต่อวินาที (Gbit/s)
อินเทอร์เน็ตเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องโดยได้รับแรงสนับสนุนจากข้อมูลและความรู้ ออนไลน์, การค้า, ความบันเทิงและบริการเครือข่ายสังคมออนไลน์จำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ ในช่วงปลายทศวรรษ 1990 มีการประมาณการว่าปริมาณการใช้อินเทอร์เน็ตสาธารณะเพิ่มขึ้น 100 เปอร์เซ็นต์ต่อปี
ในขณะที่จำนวนผู้ใช้อินเทอร์เน็ตเพิ่มขึ้นเฉลี่ยต่อปีอยู่ระหว่าง 20% ถึง 50% อินเตอร์เน็ตเป็นโครงข่ายที่เติบโตอย่างเป็นธรรมชาติ รวมทั้งลักษณะของโครงข่ายที่ไม่เป็นกรรมสิทธิ์ (Non-proprietary)
ณ วันที่ 31 มีนาคม 2011 ประมาณจำนวนผู้ใช้อินเทอร์เน็ตคือ 2.095 พันล้านคน (30.2% ของประชากรโลก) ภายในปี 2000 ตัวเลขนี้เติบโตขึ้นเป็น 51% และในปี 2007 มากกว่า 97% ของข้อมูลโทรคมนาคมทั้งหมดถูกส่งผ่านอินเทอร์เน็ต
อินเทอร์เน็ตทำให้เกิดการโต้ตอบส่วนบุคคลรูปแบบใหม่ผ่าน Instant messaging, Internet Forums, และบริการเครือข่ายสังคม (Social Networking Services) การช้อปปิ้ง ออนไลน์เติบโตขึ้นอย่างมากสำหรับผู้ค้าปลีกรายใหญ่, ธุรกิจขนาดเล็กและผู้ประกอบการ
เนื่องจากอินเตอร์เน็ตช่วยให้บริษัทต่างๆสามารถขยายตัวเองเพื่อรองรับตลาดที่ใหญ่ขึ้นหรือแม้แต่เปลี่ยนเป็นขายสินค้าและบริการทางออนไลน์ทั้งหมด บริการแบบธุรกิจกับธุรกิจ (Business-to-Business) และบริการการเงินบนอินเทอร์เน็ตส่งผลกระทบต่อห่วงโซ่อุปทานในอุตสาหกรรมทั้งหมด
เนื่องจากอินเตอร์เน็ตเป็นสาธารณะจึงมีจุดอ่อนในครึ่องความปลอดภัย องค์กรที่มีการให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของข้อมูลสูง เช่นสถาบันการเงิน, การทหาร, หน่วยงานด้านความมั่นคง จึงต้องมีการสร้างโครงข่ายเสมือนที่เป็นส่วนตัว (Virtual Private Network) ของตนเองขึ้นมาและใช้งานบนอินเตอร์เน็ตอีกครั้ง
องค์กรที่เกี่ยวข้องกับอินเตอร์เน็ต
อินเทอร์เน็ตไม่มีการกำกับดูแลแบบรวมศูนย์ในการนำเทคโนโลยีหรือนโยบายการเข้าถึงและการใช้งาน เครือข่ายแต่ละแห่งกำหนดนโยบายของตนเอง ส่วนสำคัญหลักสองส่วนของอินเทอร์เน็ต คือ Address ของอินเทอร์เน็ตโปรโตคอล (IP Address)
และระบบชื่อโดเมน (DNS) ถูกกำกับโดยองค์กรผู้ดูแล Internet Corporation for Assigned Names and Numbers (ICANN) การสนับสนุนด้านเทคนิคและการกำหนดมาตรฐานของโปรโตคอลหลักเป็นกิจกรรมของ Internet Engineering Task Force (IETF)
ซึ่งเป็นองค์กรไม่แสวงหาผลกำไรระหว่างประเทศในแบบที่ทุกคนสามารถเชื่อมโยงด้วยโดยการมีส่วนร่วมของความเชี่ยวชาญด้านเทคนิค รวมทั้งการพัฒนาไอพีแอดเดรสส์ (IP Address) เพื่ออ้างอิงที่อยู่ในอินเตอร์เน็ตทั้งไอพีเวอร์ชั่น 4 (IPv4) และไอพีเวอร์ชั่น 6 (IPv6)
Regional Internet registries (RIR) ก่อตั้งขึ้นสำหรับแต่ละภูมิภาคของโลก สำหรับภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิก รับผิดชอบโดย Asia-Pacific Network Information Center (APNIC) ซึ่งทำหน้าที่กำหนดบล็อกที่อยู่ IP และพารามิเตอร์อินเทอร์เน็ตอื่น ๆ ให้กับการลงทะเบียนในพื้นที่ เช่น ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตจากกลุ่มของ IP Address ที่กำหนดไว้ให้สำหรับแต่ละภูมิภาค
Internet Society (ISOC) ก่อตั้งขึ้นในปี 1992 โดยมีภารกิจในการ “รับรองการพัฒนาวิวัฒนาการและการใช้อินเทอร์เน็ตอย่างเปิดกว้างเพื่อประโยชน์ของคนทุกคนทั่วโลก” สมาชิก ISOC ประกอบด้วยบุคคล, บริษัท, องค์กรรัฐบาล และมหาวิทยาลัย
ประเทศไทยมีการเติบโตของการใช้งานอินเตอร์เน็ตสูงมาก ปัจจุบันมีผู้ใช้งานอินเตอร์เน็ตกว่า 50 ล้านคน ส่วนใหญ่เป็นการใช้อินเตอร์เน็ตบนโทรศัพท์เคลื่อนที่ โดยใช้บริการโซเชียลเน็ตเวิร์คมากที่สุด เช่น Facebook, Line และอินสตาแกรม รองลงมาคือการแชต การดูวิดีโอ การฟังเพลง การเล่นเกมส์ และการใช้งานออนไลน์แบงค์กิ้ง (Online Banking)
เครดิตภาพ TechTalkThai, Anitech, Best Internet
#ที่มาอินเตอร์เน็ต #กำเนิดอินเตอร์เน็ต #สาระเทคโนโลยี
Recent Comments