สี่แนวทางที่ 5G สามารถสร้างความแตกต่างได้อย่างแท้จริง

            การเปิดบริการ 5G อย่างต่อเนื่องจะส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมต่างๆ ในหลาย ๆ ด้าน การปรับใช้ 5G นั้นใช้เวลาสองสามปี และผู้ให้บริการรายใหญ่ยังคงขยายเครือข่าย 5G ของพวกเขา บริษัทเหล่านี้ต่างหวังว่าปี 2022 จะเป็นปีที่สำคัญสำหรับ 5G ต่อไปนี้คือบางภาคส่วนที่เทคโนโลยีใหม่นี้สามารถสร้างผลกระทบได้

ขอบคุณภาพประกอบจาก 5G.CO.UK

5G และการขับรถยนต์

            คุณสมบัติด้านความปลอดภัยมีอยู่แล้วในรถยนต์หลายรุ่น เช่น ระบบเตือนการจราจรด้านหลัง การเตือนการชน, และการเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ การเชื่อมต่อ 5G จะทำให้คุณสมบัติเหล่านี้ดีขึ้น

            Honda และ Verizon ได้ประกาศแผนการที่จะใช้ 5G ในรถยนต์ในอนาคตตามโครงการ Safe Swarm ของ Honda แนวคิดนี้คือช่วยให้ยานพาหนะสามารถสื่อสารกับผู้ใช้ถนนหรืออุปกรณ์อื่นๆ เช่น กล้องหรือสัญญาณไฟจราจร และแบ่งปันข้อมูล เช่น ตำแหน่ง, ความเร็ว และเซ็นเซอร์ยานพาหนะ ทั้งสองบริษัทกล่าวว่าการใช้ 5G จะช่วยลดความจำเป็นในการใช้ AI ในยานพาหนะลง

            หากรถทุกคันติดตั้งเทคโนโลยีนี้ 5G จะช่วยเพิ่มความปลอดภัยให้กับคนข้ามถนนและเตือนผู้ขับขี่เมื่อเข้าใกล้ยานพาหนะฉุกเฉิน หรือเตือนยานพาหนะเมื่อมีไฟแดงที่ทางแยก นอกจากนี้ การวิจัยจะช่วยส่งเสริมการพัฒนายานยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติและยานพาหนะอื่นที่ได้ประโยชน์จาก 5G เช่นกัน

ขอบคุณภาพประกอบจาก Mile Sight

            ผู้ผลิตรถยนต์รายอื่นเช่น Porsche, General Motors และ Toyota ก็กำลังพัฒนา 5G ในรถรุ่นอนาคต Gartner คาดการณ์ว่ารถยนต์ที่ติดตั้งอุปกรณ์ 5G และเชื่อมต่อกับบริการ 5G จะเพิ่มขึ้นเป็น 74% ในปี 2023 และสูงถึง 94% ภายในปี 2028

5G และการดูแลสุขภาพ

            อุตสาหกรรมหลักที่จะเห็นผลจาก 5G คือการดูแลสุขภาพ และ 5G จะนำมาซึ่งชีวิตที่ดีขึ้นได้อย่างแท้จริง ตัวอย่างเช่น การเฝ้าติดตามผู้ป่วยจากระยะไกล

            จากความก้าวหน้าของ 5G ผู้ป่วยสามารถรับใบสั่งยาที่เข้ารหัสแบบดิจิทัลจากแพทย์ของตนได้ เช่น ผู้ที่ใช้เครื่องกระตุ้นหัวใจ โดยไม่ต้องออกจากบ้าน 5G ที่ทำงานร่วมกับอุปกรณ์ที่สวมใส่ได้ช่วยให้สามารถตรวจสอบสภาวะสุขภาพได้แบบเรียลไทม์ และ 5G ยังช่วยให้แพทย์และผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์เข้าถึงผู้ป่วยจากระยะไกล เช่น ผู้ที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ชนบทที่ห่างไกลหรือบนเกาะ ที่สำคัญที่สุด 5G มีศักยภาพที่จะส่งผลเชิงบวกต่อต้นทุนการรักษาพยาบาลโดยรวม

            5G ช่วยในการเก็บข้อมูลเป็นส่วนตัว ทำให้ผู้คนสามารถประหยัดค่าใช้จ่ายด้านการรักษาพยาบาลได้ดีขึ้นมาก

5G และ METAVERSE

            บริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่อย่าง Meta กำลังเสนอให้ “Metaverse” เป็นสถานที่ที่ผู้คนโต้ตอบซึ่งกันและกันโดยใช้เครื่องมือ Virtual Reality (VR) และ Augmented Reality (AR)

ขอบคุณภาพประกอบจาก GIZBOT

            ในการเข้าถึง Metaverse ด้วยอุปกรณ์เหล่านี้ 5G จะมีความสำคัญในการเชื่อมต่อกับ Metaverse ที่สมจริงและเป็น Real-time ต้องมีการเชื่อมต่อข้อมูลไร้สายที่รวดเร็วในการท่องไปใน Metaverse หมายความว่าคุณจะต้องใช้ 5G หากคุณต้องการประสบการณ์ Metaverse ที่สมบูรณ์และสมจริงยิ่งขึ้น นอกจากนี้ที่สำคัญกว่านั้น Latency ที่ต่ำของ 5G ยังช่วยให้การทำงานระยะไกลดีขึ้น

            5G ยังช่วยให้อุปกรณ์ Headware เล็กลง ตอนที่จำเป็นต้องดาวน์โหลดประสบการณ์ Metaverse ในเครื่อง การนำ 5G ไปใช้จะช่วยตัดความต้องการส่วนประกอบที่สร้างความร้อนของชุดหูฟังในตลาด และลดความต้องการด้านพลังงานและความเย็น

5G และการศึกษา

            ผู้เชี่ยวชาญหลายคนมองว่าอนาคตของการเรียนรู้เป็นการทำงานร่วมกัน และ 5G เป็นวิธีหนึ่งที่ทำให้วิสัยทัศน์นี้เป็นจริงได้ ตัวอย่างปัจจุบันของประสบการณ์การเรียนรู้แบบมีส่วนร่วมคือ 5G Innovation Hub ที่ศูนย์การเรียนรู้ในอนาคตของมหาวิทยาลัยรัฐแอริโซนา (ASU) ความร่วมมือระหว่าง ASU และ Verizon ที่ดำเนินมายาวนานทำให้ศูนย์แห่งใหม่นี้มีวิธีการที่ทำให้นักศึกษาได้เรียนรู้ในสิ่งที่ไม่เคยทำได้มาก่อน

            Innovation Hub ใช้ชุดหูฟัง VR และ AR ที่เชื่อมต่อกับ 5G ของ Verizon และโปรแกรม Dreamscape Learn ซึ่งนักศึกษาจะได้สัมผัสกับสิ่งต่างๆ เช่น การฝึกนักบินรบเสมือนจริง หรือการใช้ชีวิตในโลกเสมือนจริงเพื่อศึกษาสิ่งมีชีวิตที่น่าตื่นเต้นกว่าขอบเขตของห้องปฏิบัติการชีววิทยาปกติ

            นักศึกษาเรียนรู้ได้ดีขึ้นในการทดสอบรูปแบบและการทดสอบสรุป และพวกเขายังเชื่อว่าพวกเขากำลังเรียนรู้เพิ่มเติมผ่านประสบการณ์ที่ล้ำค่า

#5G น่ารู้ #อนาคต 5G #โลกยุค 5G