การเรียนคณะวิศวกรรมศาสตร์
การสอบเข้าคณะวิศวกรรมศาสตร์มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ได้คือการประสบความสำเร็จขั้นแรกของชีวิตการทำงาน เพื่อที่เราจะได้ไปต่อจนถึงจุดที่ตั้งความหวังไว้คือการจบการศึกษาและได้ประกอบอาชีพที่เราต้องการ
วันรายงานตัวนิสิตใหม่คณะวิศวกรรมศาสตร์วันแรกพวกเราที่สอบเข้ามาได้จะไปรวมกันที่คณะของตน พวกเรายังอยู่ในชุดนักเรียนยังไม่ใช่นักศึกษาเต็มตัวเราต้องผ่านกระบวนการรับน้องตามประเพณีของคณะก่อน วันนั้นเราได้เจอเพื่อนๆมากมายที่มาจากหลากหลายโรงเรียนทั่วประเทศทั้งหญิงและชาย
หลังจากทำการลงทะเบียนเพื่อรายงานตัวแล้วรุ่นพี่ก็จะนัดประชุมรุ่นน้องทั้งหมดที่หอประชุมคณะวิศวกรรมศาสตร์เพื่อเล่าประวัติความเป็นมาและเกียรติประวัติต่างๆที่รุ่นพี่ก่อนหน้าสร้างไว้ให้กับประเทศชาติเช่นเมื่อสร้างเขื่อนภูมิพล หลังจากนั้นรุ่นพี่ก็จะนัดประชุมเชียร์เพื่อเตรียมตัวเข้าทำกิจกรรมการรับน้องให้ครบถ้วน
กิจกรรมการประชุมเชียร์ของคณะวิศวกรรมศาสตร์เป็นกิจกรรมที่รุ่นพี่จัดขึ้นทุกปีเพื่อสร้างความเข้าใจให้กับน้องใหม่ในวัฒนธรรม การให้ความเคารพรุ่นพี่ การมีวินัย ประเพณี ความเป็นหนึ่งเดียว และความมีน้ำใจ การประชุมเชียร์จะมีทั้งหมด 6 ครั้งรุ่นพี่จะสั่งให้รุ่นน้องทำกิจกรรมการร้องเพลงไม่ว่าจะเป็นเพลงประจำคณะ เพลงประจำมหาวิทยาลัยและเพลงเชียร์ต่างๆ ในการประชุมเชียร์แต่ละครั้งเมื่อจบการประชุมพวกเรารุ่นน้องจะต้องวิ่งรอบคณะทั้งที่เป็นรอบใหญ่และรอบเล็กทำเอาพวกเราเหนื่อยมาก เหงื่อไหลจนเปียกเสื้อกลับไปถึงบ้านก็หมดเรี่ยวหมดแรง
การประชุมเชียร์ครั้งสุดท้ายเป็นครั้งที่หนักที่สุดเพราะต้องมีประเพณีวิ่งรอบคณะโดยมีจำนวนรอบที่วิ่งเท่ากับรุ่นของคณะวิศวกรรมศาสตร์นับจากก่อตั้งเป็นต้นมา โดยมีรุ่นพี่ส่วนใหญ่จะอยู่ปี 2 หรือที่เรียกว่าซีเนียร์ (Senior) วิ่งนำ ในระหว่างวิ่งรอบคณะถ้าใครเหนื่อยก็ออกมาพักได้แต่จะพักนานเกินควรไม่ได้เพราะจะเป็นการกินแรงเพื่อน บางครั้งรุ่นพี่ก็จะคอยจับตาอยู่ถ้าเห็นใครที่ออกมาพักนานแล้วก็จะไล่ให้ไปวิ่งต่อจนครบ
หลังจากเสร็จสิ้นการวิ่งแล้วพวกเราทั้งหมดจะมารวมกันเพื่อร้องเพลงประจำคณะวิศวกรรมศาสตร์ คือ “ปราสาทดงตาล” หลังจากนั้นก็จะปล่อยให้พวกเรากลับไปอาบน้ำอาบท่าพักผ่อนที่บ้านก่อนแล้วค่อยมารวมพลกันเพื่อทำกิจกรรมตอนกลางคืน กิจกรรมตอนกลางคืนรุ่นพี่จะประจำอยู่ที่ซุ้มต่างๆโดยให้พวกเราผ่านแต่ละซุ้มจนครบทั้งหมด เมื่อทำกิจกรรมเสร็จทั้งรุ่นพี่และนิสิตใหม่ก็จะจับมือพูดคุยกันขอโทษขอโพยกันตามด้วยการกินเลี้ยงสังสรรค์กันซึ่งมีสุรา เป็นส่วนประกอบด้วย
นิสิตคณะวิศวกรรมศาสตร์ปีหนึ่งจะถูกเรียกว่าเฟรชชี่ (Freshy) คือยังบริสุทธิ์ไร้เดียงสาอยู่ ทุกคนจะต้องแต่งกายด้วยเสื้อสีขาวผูกเนคไทร์สีเขียวมีสัญลักษณ์รูปเฟืองเกียร์ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ประจำคณะ และสวมกางเกงผ้าขายาวสวมรองเท้าหนังหรือรองเท้าผ้าใบสีเข้มไม่ให้สวมรองเท้าแตะ ในการเรียนปีแรกจะเรียนในวิชาที่จำเป็นต้องใช้เป็นพื้นฐานทางวิศวกรรมเป็นหลัก
การเรียนในคณะวิศวกรรมศาสตร์พอขึ้นปีสองจะแยกไปเรียนตามภาควิชาของแต่ละคน จากประสบการณ์ของผู้เขียนเองขอบอกเลยว่าภาคเรียนแรกของปี 1 มีความสำคัญมากที่สุดเหมือนการเริ่มต้นหรือการกลัดกระดุมเม็ดแรก ถ้าทำได้ดีก็จะศึกษาต่อไปในปีที่สูงขึ้นได้อย่างสบายใจแต่ถ้าทำได้ไม่ดีสอบตกหลายวิชา เกรดก็ออกมาต่ำก็มีความเสี่ยงที่จะถูกรีไทร์ตั้งแต่ปีแรกและท่านก็จะมีชีวิตต่อไปในมหาวิทยาลัยอย่างต้องดิ้นรนหากต้องการที่จะเรียนต่อให้จบ
ผู้เขียนเองก็เป็นคนหนึ่งที่มีประสบการชีวิตแบบนี้สาเหตุหนึ่งเกิดจากสภาพจิตใจที่แย่ลงจากปัญหาทางบ้านรวมทั้งการขาดวินัยในการเรียนเพราะโลกของการศึกษาในมหาวิทยาลัยกับการเรียนในระดับมัธยมนั้นต่างกันโดยสิ้นเชิง ผู้เขียนยอมรับว่าการที่ต้องต่อสู้ดิ้นรนถึงห้าปีจนเรียนจบคณะวิศวกรรมศาสตร์โดยไม่สามารถหายใจได้เต็มปอดเหมือนเพื่อนๆ เป็นเพราะตัวเองจริงๆ ทุกสิ่งที่เข้ามากระทบเป็นเพียงส่วนประกอบเท่านั้น มีเพื่อนบางคนที่อาการหนักกว่าคือไปไม่ได้ตลอดรอดฝั่งถูกรีไทร์ออกตอนปี 3 หรือปี 4 ก็มี
การเรียนในคณะวิศวกรรมศาสตร์เวลาที่ไม่มีการเรียนแต่ละคนว่าจะต้องบริหารเวลาของตนเอง บางคนก็เอาเวลาไปทำกิจกรรมอยู่ในชมรมต่างๆ บางคนก็เข้าห้องสมุด บางคนก็เอาเวลาไปทำในสิ่งที่ไร้คุณประโยชน์ เข่นไปเที่ยวผับเที่ยวบาร์และเล่นสนุกเกอร์ การเรียนในมหาวิทยาลัยไม่มีใครมาเคร่งครัดกับเราไม่มีใครมาเช็คเวลาเรียนขอเพียงมาสอบตามกำหนดและสอบให้ผ่านก็พอ
ในที่สุดผู้เขียนก็เรียนจนจบเป็นบัณฑิตคณะวิศวกรรมศาสตร์โดยใช้เวลาเรียน 5 ปีกับหนึ่งภาคฤดูร้อนมากกว่าเวลาเรียนปกติคือ 4 ปีด้วยเกรดเฉลี่ยที่ต่ำมาก แต่ก็ภูมืใจที่ได้เข้ารับพระราชทานปริญญาจากพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 ในวันรับปริญญาก็ได้รับเกียรติเท่ากับบัณฑิตคนอื่นที่เรียนจบในรุ่นเดียวกัน
เครดิตภาพ Dek-D, MTHAI, Webythebrain
#การเรียนคณะวิศวกรรมศาสตร์ #เรื่องเล่าชาววิศวะ #ชีวิตนิสิตคณะวิศวกรรมศาสตร์
Recent Comments